รีวิวหนัง The Black Phone

 

 

รีวิวหนัง The Black Phone

ดูเหมือนช่วงนี้ นายแพทจะห่างหายจากการดูหนังสยองขวัญไปนิดหน่อย หันไปสนใจแอนิเมชันและดูซีรีส์มากไปนิด แต่แล้วก็พบว่า บ้านเรากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ที่ผสมผสานทั้งความเป็นหนังระทึกขวัญประสมกันไปกับความสยอง เลยต้องขอพาตัวเองกลับไปสู่ความระทึกกันอีกครั้งกับหนัง ‘The Black Phone’ ชื่อไทย ‘สายหลอน ซ่อนวิญญาณ’

ผลงาน ดูหนังออนไลน์ เรื่องใหม่จากผู้กำกับ Scott Derrickson ที่เคยทำทั้งหนังซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจสาวกมาร์เวลาอย่าง ‘Doctor Strange’ หรือหนังไซไฟระทึกขวัญ ‘The Day the Earth Stood Still’ แต่ถ้าจะพูดถึงกระบวนหนังแนวสยองขวัญก็ไล่กันไปตั้งแต่ ‘Sinister’, ‘Deliver Us from Evil’ และ ‘The Exorcism of Emily Rose’ เชื่อว่า หลายคนน่าจะเคยผ่านตามากันบ้างแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ เรามาว่ากันด้วยหนังใหม่ที่เขาทั้งเขียนบททั้งกำกับเรื่องนี้กันเลยดีกว่า เริ่มกันที่เรื่องย่อของหนังกันก่อนครับ

ย้อนกลับไปในวันเก่าๆ  The Black Phone Netflix  หนังเล่าเรื่องของ ฟินนีย์ ชอว์ (Mason Thames/เมสัน เธมส์ นี่คือผลงานเรื่องแรกของเขา) เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาดวัย 13 ปี ที่มีชีวิตวัยเด็กอยู่ระหว่างบ้านกับโรงเรียน ในบ้านเขาอยู่กับพ่อที่ค่อนข้างขี้เหล้าและเข้มงวดเกินพอดี และน้องสาว เกว็น (Madeleine McGraw คนที่พากย์เป็นเคที่วัยเด็กในหนังเรื่อง ‘The Mitchells vs the Machines’ และแสดงเป็นโฮปวัยเด็กใน ‘Ant-Man and the Wasp’) ที่มีความสามารถพิเศษเหมือนแม่คือ มักจะฝันเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงได้

 

รีวิวหนัง The Black Phone หนังดี

 

รีวิวหนัง The Black Phone หนังดี

วันหนึ่งฟินนีย์ถูกฆาตกรซาดิสต์ผู้ได้รับฉายาจอมฉุด ‘The Grabber’ (Ethan Hawke/อีธาน ฮอว์ก จากซีรีส์เรื่อง ‘Moon Knight’ และหนังอย่าง ‘Boyhood’) ลักพาตัวเขาไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง ทำให้เขาไม่สามารถจะกรีดร้องใดๆ เพื่อให้คนมาช่วย แต่ในห้องนั้นมีโทรศัพท์เครื่องสีดำที่สายสัญญาณถูกตัดอยู่เครื่องหนึ่ง The Black Phone เต็มเรื่อง

แต่แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ไร้สัญญาณเครื่องนั้นก็เริ่มส่งเสียงดัง ฟินนีย์จึงค้นพบว่า ตนสามารถพูดคุยกับเหยื่อคนก่อนๆ ของฆาตกรรายนี้ได้ ความพยายามหนีให้รอดจากฆาตรใจโฉดเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการใช้ความสามารถพิเศษของเกว็นเพื่อช่วยฟินนีย์พี่ชายของเธอ

ดูหนังฟรี  เริ่มต้นเลย หนังให้ความรู้สึกย้อนยุคกลับไปในอเมริกาในวันเก่า เรื่องราวที่เล่าถึงชีวิตวัยเรียนของฟินนีย์และเกว็น ที่อยู่ท่ามกลางผองเพื่อน ห้องเรียน และกีฬาเบสบอล ช่วงเวลาเริ่มต้นนั้นเริ่มเห็นเค้าลางของความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ไตเติลก่อนที่เราจะเริ่มเห็นการล่าเด็กของชายลึกลับที่มากับรถตู้คันสีดำ

ด้านหลังบรรทุกลูกโป่งสีดำ จนวันหนึ่งฟินนีย์ก็กลับกลายเป็นเด็กผู้เคราะห์ร้ายเสียเอง และเมื่อเขาถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินนั้น เขาก็พบโทรศัพท์ที่ติดอยู่บนผนังนั้นมันก็เป็นเครื่องสีดำ ทุกอย่างของ ‘The Grabber’ แทบจะมีแต่สีดำ ดูท่าเขาคงจะพิศมัยในสีนี้เป็นพิเศษ

 

รีวิวหนัง The Black Phone หนังใหม่

 

รีวิวหนัง The Black Phone หนังน่าดู

ถือเป็นเคราะห์ดีที่มาในยามเผชิญหน้ากับเคราะห์ร้าย แม้ฟินนีย์จะถูกคนร้ายโรคจิตจับมาขังไว้ในห้องใต้ดินที่ไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ แต่เขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากสองทาง หนึ่งคือเสียงลึกลับในสายโทรศัพท์ที่ดังก้อง ทั้งที่สายของมันถูกตัดไป สองคือ เขามีเกว็น น้องสาวผู้มีพลังความฝันแม้เธอจะควบคุมมันไม่ได้ อาจจะไม่ใช่หนังที่มีพล็อตอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ความน่าสนใจมันอยู่ที่การผสมผสาน

หนึ่งคือมันเป็น  รีวิวหนังน่าติดตาม  ที่มีกลิ่นอายแห่งการคารวะหนังยุค 70’s แม้ส่วนใหญ่ของหนังจะใช้ภาพอันคมชัดแต่ก็ย้อมสีให้ดูเก่า ขณะเดียวกันก็ใช้ภาพแบบเกรนแตกเมื่ออยู่ในความฝันของเกว็น สองคือ มันเป็นหนังที่พล็อตมันคือหนังระทึกขวัญแต่แทรกเล่าเรื่องสยองขวัญไว้อยู่ข้างใน

ผู้ที่ได้ชมจะต้องระทึกเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นใครกันที่โทรมาทั้งที่ไม่ได้ต่อสาย นอกจากจะบ่งบอกถึงปณิธานที่มีร่วมกันแล้ว ยังบ่งบอกความดิ้นรนไม่ยอมแพ้ของฟินนีย์ เด็กชายที่หนังปูไว้ตอนต้นว่าเขาช่างเกิดมาโชคดี มีคนรอบข้างคอยโอบอุ้มช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เวลาโชคร้ายมาถูกกักขังไว้ ในบางเวลาหนังก็เล่นช็อตที่ชวนรู้สึกน่ากลัวขึ้นมา บางเวลาก็เล่นช็อตตุ้งแช่ให้สะดุ้งตกใจ ซึ่งก็ไม่ได้มากจนเฝือ แต่พอมาก็ทำให้สะดุ้งได้จริงๆ

และ The Black Phone ซับไทย ก็ไม่ได้พาเราให้ระทึกขวัญแต่เพียงอย่างเดียว เพราะระหว่างทาง เขาก็ใส่มุกขำๆ แทรกให้คนดูได้ยิ้มและหัวเราะคิกๆ เป็นระยะด้วย คาแรกเตอร์ของเกว็นคือน้องสาวที่มีความแกร่งและสีสันความขายขำผสมกันไป เมื่อพี่ชายถูกจับตัวไปและเธอมีพลังแห่งความฝัน เธอก็พยายามอ้อนวอนพระเจ้าขอให้ฝันอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์

 

 

เมื่อเสียงโทรศัพท์นำมาซึ่งความสยอง

หนังเล่ามาทุกอย่างเพื่อจัดหนักจัดเต็มในช่วงท้าย นายแพทชอบที่เขาทำตอนจบเอาไว้ได้น่าประทับใจ โดยรวม หนังอาจจะไม่ได้ระทึกมากตลอดเวลา มีแผ่วบ้าง มีแรงบ้าง ระคนกันไป แต่ชอบในการเล่าเรื่องที่เล่นกับงานภาพ และกรรมวิธีหลายหลากของการช่วยเหลือ

การเอาตัวรอดไปจากเงื้อมมือของตัวร้าย เสียงโทรศัพท์อาจเป็นเสียงประกอบที่ทรงพลังมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ ขณะที่เด็กสองตัวนำก็ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม แต่คนที่โดนใจกลับกลายเป็น Rebecca Clarke คนที่เล่นเป็นดอนนา…..ไปซะงั้น

รีวิวหนังน่าดู  เรื่องนี้เป็นหนังที่เดอร์ริกสันและคาร์กิลล์ร่วมมือกันดัดแปลงเรื่องสั้นความยาว 30 หน้า จากผลงานหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวสยองขวัญติดอันดับ The New York Times Best Sellers ที่มีชื่อว่า ’20th Century Ghosts’ (2015) เขียนโดย โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ซึ่งเขาก็คือลูกชายของ ‘สตีเฟน คิง’ (Stephen King) เจ้าพ่อสยองขวัญระดับตำนานนั่นเอง และยังได้พี่ อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน ‘Sinister’ (2012) กลับมาร่วมชายคาบลัมเฮาส์อีกครั้ง

เรื่องราวของ The Black Phone ว่าด้วยเรื่องของ ด.ช. ‘ฟินนีย์ ชอว์’ (Mason Thames) เด็กชายขี้อายแต่มีแววอัจฉริยะวัย 13 ปี ที่ถูกฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตภายใต้หน้ากากที่มีนามว่า ‘เดอะ แกร็บเบอร์’ (Ethan Hawke) ลักพาตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดินที่แสนจะอับทึบและเงียบงันจนแทบจะไม่มีใครได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ในห้องนั้นกลับมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ นั่นก็คือโทรศัพท์โบราณสีดำเครื่องหนึ่งที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนั้น

 

 

ไปลองติดตามรับชมกันดูได้เลย

ทันใดนั้น เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น เมื่อน้องกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองไร้ซึ่งสัญญาณ เมื่อฟินนีย์รับสาย ปรากฏว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นโทรศัพท์ผีสิง ปลายสายคือเสียงจากวิญญาณของเหยื่อคนก่อน ๆ ของเดอะ แกร็บเบอร์ ที่พยายามส่งเสียงมาถึงฟินนีย์ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้น้องเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกับเหยื่อคนก่อน ๆ

ด้วยความที่ตัวเนื้อเรื่องของหนัง The Black Phone พากย์ไทย เล่าเรื่องภายใต้บรรยากาศของรัฐโคโลราโดยุค 70’s ซึ่งจริง ๆ ยุคนี้ถือเป็นยุคเรืองรองของคดีฆาตกรรม ลักพาตัว ฆาตกรต่อเนื่องเป็นทุนเดิม ตัวหนังก็เลยหยิบเอาบรรยากาศความกลัวและความหดหู่อดสูใจจากยุค 1970 มาสร้างบรรยากาศ

ปูเรื่องให้รู้ถึงบรรยากาศความสยองขวัญปนหดหู่ของคนที่อยู่ในล้อมรอบของเหตุการณ์ และก็เป็นแรงส่งให้เรารู้สึกถึงการเคารพวิธีการเล่าเรื่องแบบหนังสยองขวัญยุคเก่าไปด้วยพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะว่าไปก็มีความคล้ายกับการเซตบรรยากาศความสยองปนคัลต์ยุค 80’s ในซีรีส์ ‘Stranger Things’ อยู่เหมือนกันนะครับ

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนัง The Black Phone netflix เองก็ไม่ได้พยายามจะประโคมโหมกระหน่ำฉากโหดเลือดสาด หรือใส่ Jump Scare ตึ่งโป๊ะล่อให้สะดุ้งนะครับ ตรงกันข้าม ตัวหนังกลับเลือกเสื่ยงที่จะเล่าด้วยพล็อตลูกผสมระหว่างพล็อตหนังเชือดแบบสแลชเชอร์ (Slasher) หนังเอาตัวรอดในที่ปิด วิญญาณสิงสู่ และพล็อตแนว Supernatural หรือแนวเหนือธรรมชาติ ที่ชวนให้นึกถึงพล็อตสยองขวัญผสมเหนือธรรมชาติที่วางพล็อต ‘ชง-ปู-เก็บกลับ’ สไตล์สตีเฟน คิง ที่อาจชวนให้นึกถึง ‘It’ (2017) หรือแม้แต่ ‘Sinister’ (2012) อยู่นิด ๆ เหมือนกัน

 

 

ตัว รีวิวหนังน่าสนใจ  หนังสามารถควบคุมโทนเรื่อง และพล็อตออกมาได้ค่อนข้างดีเลยล่ะครับ แม้ตัวหนังในองก์แรกจะทำให้รู้สึกว่าเดินเรื่องเนือย ๆ และมีอาการโดด ๆ ข้าม ๆ ไม่ยอมปูเรื่องบางเรื่องที่ควรจะปูไปบ้าง เพราะเน้นปูเรื่องของฟินนีย์ที่เป็นเด็กฉลาดแต่โดนรังแก โดนบูลลี่เป็นหลัก

แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ตัวบทสามารถวางพล็อตเรื่องได้ฉลาดทั้งการวางพล็อต และค่อย ๆ วางจุดหักมุมของเรื่องเอาไว้ภายใต้การเล่าแบบนิ่ง ๆ เน้นฉากความรุนแรงที่จัดจ้านติดเรต R แต่ตัวหนังกลับพึ่งพา Jump Scare น้อยมาก แต่สามารถเล่าเรื่องได้หดหู่ น่ากลัวได้ชวนสะดุ้งเกือบทุกดอก

โดยสรุป ‘The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ’ คือหนังผี-ทริลเลอร์-เอาตัวรอด ผสม Supernatural ในแบบฉบับของ สตีเฟน คิง ที่สามารถสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด วางพล็อตหักมุมได้ชวนสะดุ้ง ขับเคลื่อนเรื่องด้วยความฉลาด ท้าทาย เป็นเหตุเป็นผล น่าเอาใจช่วย ปูและเก็บกลับได้ดี แทรกด้วยมุกตลกร้ายกาจเล็ก ๆ ไว้แก้เลี่ยนด้วย

นี่อาจไม่ใช่หนังที่ถูกใจคอหนังสยองขวัญสายคลุ้งคาวเลือด สยองขวัญแบบตู้ม ๆ แต่เป็นหนังลุ้นระทึกที่ได้บรรยากาศลุ้นบวกสยองที่เหมาะกับการดูในโรงหนังเพื่อให้ได้อรรถรสอย่างเต็มที่ รับรองว่าดูจบแล้วน่าจะหลอนเสียงโทรศัพท์ไปอีกนาน…

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง ‘สายหลอน ซ่อนวิญญาณ’
ชื่อภาพยนตร์ The Black Phone / สายหลอน ซ่อนวิญญาณ
กำกับ Scott Derrickson/สก็อต เดอร์ริคสัน
เขียนบท Scott Derrickson, C. Robert Cargill, Joe Hill (based on the short story ‘The Black Phone’ by)
แสดงนำ Ethan Hawke/อีธาน ฮอว์ก, Mason Thames/เมสัน เธมส์, Madeleine McGraw, James Ransone, Jeremy Davies, Rebecca Clarke
แนว/ประเภท Thriller, Horror
เรท R
ความยาว 103 นาที
ปี 2021
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา
เข้าฉายในไทย 13 กรกฎาคม 2022
ผลิต/จัดจำหน่าย Universal Pictures, Blumhouse Productions, Crooked Highway
สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *