รีวิวหนัง Samaritan

 

 

รีวิวหนัง Samaritan

เมื่อ 25 ปีก่อนในโลกมีคู่แฝดคู่หนึ่งที่เหนือมนุษย์พวกเขาเดินคนละทางกันจจนต้องต่อสู้กันเองเพื่ออดุมคติ ฝั่งหนึ่งอยากช่วยเหลือผู้คนแต่อีกฝั่งอยากล้างแค้นสังคมที่เคยขับไล่พวกเขา การปะทะกันครั้งนั้นทำให้ฝั่งตัวร้ายตาย และฮีโรฝั่งดีก็หายสาบสูญไปนับแต่นั้น จนถึงปัจจุบันผู้คนกลุ่มหนึ่งก็ยังเชื่อมั่น และตามหาเขาอยู่เสมอ

เขาเคยมีผลงานอันโดดเด่น และสุดโหดเกี่ยวกับหนังซอมบี้เรื่อง ‘Overlord’ (2018) ซึ่งแม้จะไม่ได้ขึ้นหิ้งแต่ก็น่าจับตามองให้ติดตามผลงานต่อไม่น้อย ยิ่งเรื่องนี้ได้มือเขียนบทอย่าง บราจี เอฟ. ชูต (Bragi F. Schut) ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Escape Room’ ทั้ง 2 ภาค รวมถึงทีวีซีรีส์แฟรนไชส์ ‘Ninjago’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือเขียนบทที่มีไอเดียที่ชวนติดตาม ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวในการจับคู่กันครั้งนี้

ดูหนังออนไลน์  ดำเนินเนื้อเรื่องผ่านจากตัวเด็กคนหนึ่งที่ชื่อ แซม นำทีมแสดงโดย เจวอน ‘วอนนา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) จาก ‘The Umbrella Academy’ ซึ่งเขาคลั่งใคล้ในเรื่องเล่าของสองพี่น้องยอดมนุษย์ฝาแฝดนาม ซามาริทัน และ เนเมซิส จนนำไปสู่การแอบติดตามคนเก็บขยะชรานามว่า โจ ที่น่าสงสัยว่าคือซามาริทันในอดีต

ช่วงที่หนังต่างๆอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยหนังเกี่ยวกับยอดมนุษย์ที่ทำออกมาเรื่อยๆรอบ ตัวเรา ถ้าเรายังไม่รู้สึกเบื่อกับหนังแนวนี้ การมาอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของหนังฮีโร่เรื่องล่าสุดก็อาจจะสะดุดตา และสะกิดใจได้อยู่ไม่น้อย

เพราะคือ “Samaritan”  หนังฮีโร่ที่ได้คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาสุดโหดอย่าง “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” มารับบทอย่างเต็มตัวในฐานะฮีโร่เต็มตัวอย่าง เมื่อคนอึด..มาเป็นฮีโร่ที่มีชุดประจำกาย มันจะออกมาเป็นอย่างไร?

 

รีวิวหนัง Samaritan หนังฝรั่ง

 

รีวิวหนัง Samaritan หนังสนุกๆ

เขาได้ค้นหาตัวตน และวุ่นวายอยู่กับเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่ของเมืองแกรนิตซิตี้ ที่ได้ถูกเล่าต่อกันมาเป็นเวลานาน อย่าง ซามาริทัน และเมื่อเขาได้สังเกต และรวบรวมทฤษฎีต่าง ๆ ก็พบว่า โจ สมิธ คนเก็บขยะวัยดึกที่พักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม

ก็เข้าทางที่จะให้แซมนั้นได้จับผิดว่าเขาคนนี้หรือเปล่าที่หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความสูญเสียเมื่อ 20 กว่าปีก่อน และบัดนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟะด้วยอาชญากรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ มันยิ่งผลักดันทำให้แซมมีแพสชั่นที่อยากจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาด และจัดแจงเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่ยิ่งขึ้น

เป็น  ดูหนังฟรี  ฮีโร่ที่ได้ซิลเวสเตอร์มาแสดงให้ในวัย 76 ปี แถมยังเป็นค่ายภาพยนตร์อย่าง Balboa Productions ที่เป็นของเจ้าตัวเองซะด้วย นี่จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่ปลุกปั้นโดยตรงจากซิลเวสเตอร์ โดยได้ Julius Avery เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ และผู้กำกับภาพยนตร์ชาวออสเตรเลีย ที่ไม่ได้มีเครชื่อเสียงนักมากำกับเรื่องนี้ แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นผลงานที่โอเคเลยไม่มีข้อตกบกพร่องอะไรมาก แม้จะเป็นหนังทำลงสตรีมมิ่งทุนไม่สูงนักก็ตาม

ในยุคที่หนังแนวนี้เกลื่อนตลาดแล้ว การที่เรื่องนี้จะฉีกออกไปได้ก็ต้องมีพล็อตที่ดีก่อน เรื่องนี้จึงฉีกตัวเองมาเล่าเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่วัยชราที่เกษียณตัวเองหลบลี้หนีผู้คนมาอยู่อย่างสันโดษ และไม่พยายามไม่กลับไปเป็นแบบตัวเองในอดีต

จุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญของหนัง Samaritan netflix  เลยว่าทำไม เพราะอะไร เด็กในเรื่องนี้อย่าง แซม (แสดงโดย Javon ‘Wanna’ Walton) จะพยายามอ้อนวอนให้เขากลับมาช่วยเมืองยามที่เกิดวิกฤต แต่โจ หรือ ซามาริทันเองกลับคิดต่างออกไป

 

รีวิวหนัง Samaritan หนังน่าสนใจ

 

รีวิวหนัง Samaritan หนังน่าดู

ซึ่งตัวเรื่องจะค่อยๆ ก็ทำให้เราได้เห็นกำฉากต่างๆในอดีตเกี่ยวกับเมืองว่าซามาริทันช่วยเหลือชาวเมืองจากตัวร้ายเจเนซิสที่เป็นแฝดน้องมีพลังแบบเดียวกับเขาไว้ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เองคือจุดพลิกผันชีวิตของโจ และก็ทำให้ความคิดเรื่องการเป็นซูเปอร์ฮีโร่คืออะไรที่ผิดพลาดสิ้นดีในมุมของเขา

รีวิวหนังแน่าติดตาม ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับสุดฮอต “จูเลียส เอเวอรี่” ที่ได้แจ้งเกิดไปอย่างสวยงาม อย่าง Overlord ไปเมื่อปีก่อนนี้ คราวนี้เขาได้มาหยิบจับทำหนังฮีโร่ดูบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ที่เปรี้ยงปังอยู่ตอนนี้

แต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ท้าทายของเขา และผลงานเรื่องนี้เขาก็ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ถือว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์ และใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ องค์ประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอสมควรก็ตาม

ก็เพิ่งจะได้แจ้งเกิดมากับหนังชุด Escape Room ทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมา ถือว่าบทของเขานั้นก็ทำออกมาได้ดีพอสมควร ถึงบท และรายละเอียดต่าง ๆ จะค่อนข้างตื้นเขินไปสักหน่อย แต่การดีไซน์ และจับโยงประเด็ดนั้นปมนู้นเข้ามาใส่เอาไว้ด้วยกัน เกือบจะทำออกมาได้ดี เพียงแค่ยังคงขาดเสน่ห์ที่ยังไม่ค่อยสามารถทำให้ตัวละครต่าง ๆ โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างเด่นชัดนัก กลายเป็นบทหนังฮีโร่แบบง่าย ๆ เรื่อย ๆ เกือบจะไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นเลยเสียแล้ว Samaritan HD

 

 

เมื่อฮีโร่ที่เคยวางมือต้องมาร่วมมือกับหน่มน้อย

ตัวหนังเล่า รีวิวหนังน่าดู ถึงปูมหลังเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่คล้ายๆกับเล่าเรื่องนิทานในความคิดของแซม ซึ่งดีตรงเราเข้าใจมิติตัวละครได้เร็ว ทั้งปมดราม่าว่าพวกเขาในวัยเด็กเคยถูกรังเกียจจากผู้คนเพราะพลังที่มากกว่าคนทั่วไป จนนำมาซึ่งการลุกฮือขับไล่ และจบด้วยความตายของพ่อกับแม่ของพวกเขาในเหตุเพลิงไหม้

ทำให้เนเมซิสเลยคิดที่จะล้างแค้นผู้คน และต้องปะทะกับซามาริทันที่เลือกทางช่วยเหลือผู้คน เหมือนสีขาวกับสีดำ จนเนเมซิสได้สร้างอาวุธแห่งความแค้นขึ้นมาเป็นค้อนที่สามารถฆ่าซามาริทันได้ นำมาสู่บทสรุปแสนเศร้าที่เนเมซิสตาย ส่วนซามาริทันก็เสียใจ และหายตัวไปนับแต่นั้น

เมื่อการที่นำเด็กมาคู่กับฮีโร่สูงวัยที่อดีตมีปม และปัจจุบันไม่อยากยุ่งเรื่องของใครอีกแล้ว อาจไม่ใช่พล็อตใหม่มาก นึกไว ๆ ก็อาจคาดหวังไปหนังดราม่าเข้ม ๆ แบบ ‘Logan’ (2017) หรือถ้าไปทางหนังครอบครัวก็มีอีกหลายเรื่องเลยที่พอเทียบได้โดยแผลงไปทางสัตว์ประหลาดบ้าง มนุษย์ต่างดาวบ้าง

ซึ่งชูตกับเอเวอรีก็รู้ดีพวกเขามีทางเลือกการนำเสนอมากมาย ให้เป็นหนังดราม่าว่าด้วยเรื่องคนแก่ผ่านมุมมองของโจก็ได้ ให้ไปทางหนังแฟนตาซีติดตลกผ่านสายตาแซมก็ได้ หรือจะไปทางหนังซูเปอร์ฮีโรสมัยนิยมระเบิดเถิดเทิงหรือธริลเลอร์เข้มข้นชวนตั้งคำถามก็ได้ แต่สิ่งที่ผู้สร้างเรื่องนั้นน่าสนใจทีเดียว

คือถ้าจะให้ตั้งข้อเปรียบเทียบจริงๆก็ต้องขออนุญาตเปรียบเทียบกับจักรวาลหนังฮีโร่ในปัจจุบัน Samaritan Samaritan เรื่องย่อ  ก็นับว่าหนังฮีโร่จับเรื่องราวเด่นๆ ของหนังจากทางฝั่งมาร์เวล และดีซีมายำรวมผสมกันเป็นหม้อเดียว ที่รสชาติอาจจะฝาด ๆ ไม่ค่อยแซบถึงทรวงสักเท่าไหร่ แต่ก็เห็นถึงกิมมิก และความพยายามเป็นอย่างดี หนังใส่โทนความดาร์ก และดราม่าสไตล์หนังฝั่งดีซีเข้าไป มีการใช้ปมอาชญากรรมหม่น ๆ กับบรรยากาศอึมครึมเข้าไปใช้

 

 

ไปติดตามความมันส์กับพวกเขากันได้เลย

ขณะเดียวกันก็จับเอาจุดเด่นของฮีโร่จากมาเวลบางตัวมาเป็นส่วนประกอบเสริม ให้กับฮีโร่ของหนังเรื่องนี้ ทั้งเรื่องความหลังของตัวละคร รวมทั้งลีลาการต่อสู้ และอาวุธข้างกาย ก็แอบจะได้แรงบันดาลใจ และใช้จินตนาการในการประกอบรวมร่างกันเข้าไป กลั่นกรองออกมาเป็นฮีโร่ที่ชื่อ ซามาริทัน ที่ถึงจะเสียดายที่หนังเรื่องนี้่นั้น เรากลับยังไม่ทันได้มีโอกาสได้ทำความรู้จัก และมักคุ้นกับการเป็นตัวเขาผู้นี้สักเท่าไหร่ เพราะอะไร ๆ ก็ดูล้น และเบาเบางไปหมด

ซึ่งเหตุผลในเรื่อง Samaritan พากย์ไทย ก็ถือว่าสมเหตุผลเลย เพียงแต่มันไม่ได้ใหม่นักในยุคที่มีฮีโร่สายดาร์คฉีกกรอบไปมากมายแล้วเช่นกัน อย่างเดอะบอย หรือแม้แต่แบทแมนเวอร์ชั่นโนแลนก็ด้วย พลังอันยิ่งใหญ่กลายเป็นปัญหาให้กับสังคมมากกว่าตัวร้ายที่ทำลายเมืองเสียอีก

คอนเซ็ปต์ของหนังก็คือฮีโร่ในวัยที่เกษียณที่ทำตัวติดดิน ทำงานเก็บขยะไปวันๆ หาของมาซ่อมแซมเอาไปขาย ซึ่งดูเข้ากันดีเลย แต่ก็ทำให้สเกลของเรื่องเล็กลง จำกัดวงแคบแค่ในเมืองสมมุติอย่างในเรื่องเท่านั้น ซึ่งทุนสร้างที่น้อยก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

พวกเขามีธีมที่อยากนำเสนออยู่ในเรื่องของอะไรคือสีขาวหรือสีดำ ทุกคนต่างมีเหตุผลในการกระทำ และต้องยอมรับผลที่ตามมา มนุษย์ล้วนเทา และไม่ได้ยึดถือเฉดใดเฉดหนึ่งไว้กับตัวตลอดชีวิต ในห้วงเวลาหนึ่งเขาอาจเทาเข้มในช่วงหนึ่งเขาอาจเทาอ่อนมาก ๆ และเมื่อหนังมีธีมเช่นนี้มันจึงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเน้นดารานักบู๊ที่ดูดราม่าได้ และมีความเก๋าให้คนยำเกรงพอตัวอย่างสตอลโลน Samaritan เต็มเรื่อง

 

 

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบารมีของป๋าแกยังทำงานได้ดีสายตาเศร้า ๆ นิ่ง ๆ แต่น่าเกรงขามยังแผ่ออกมาจากการแสดงของแกได้ดี เมื่อเข้าคู่กับดาราเด็กที่มาแนวซนดื้อแต่ยังพอน่ารักก็ทำให้หนังมีเคมีที่ดีได้ ในแนวหนังดราม่าผสมแนวครอบครัวนิด ๆ

ถึงแม้ว่าทีมสร้างจะได้ความคิดต่อยอดจากหนังฮีโร่ไม่ที่มีชุดเกราะใส่อย่าง ‘Unbreakable’ (2000) แต่มันก็มีฐานที่ต่างกันที่เรื่องนั้นเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) ค่อย ๆ ชวนให้คนดูอยากรู้ และสงสัยเต็มไปด้วยกลิ่นแบบคอมิกผสมธริลเลอร์ แต่ในเรื่องนี้ทุกอย่างมันกระจ่างพอควร ทำให้ผู้สร้างเองก็ต้องหาอะไรมาดึงความสนใจเพิ่มเติมซึ่งมันยังไม่ดีพอ

ตัว  รีวิวหนังน่าสนใจ  มีแนวออกไปทางอาชญากรรมที่ผสมออกไปทางแนวเด็กๆนิดๆ มันจึงกลายเป็นการลงตัวไปเองอย่างงงๆ ระหว่างองค์ประกอบกันเอง ในขณะเดียวกันนั้น โทนการเล่าเรื่องก็แทบจะราบเรียบ ไม่มีกราฟขึ้น ๆ ลง ๆ ให้รู้สึกเร้าใจได้เท่าไหร่ ดำเนินเรื่องผ่านไปเกือบจะเป็นชั่วโมง

หนัง Samaritan รีวิว  ทำให้เหมือนว่าตัวเนื้อเรื่องยังเกริ่นไม่จบ ทั้งที่จริงๆหนังเดินเรื่องไปเกินกว่าครึ่ง และเมื่อถึงไคลแมกซ์ของเรื่อง อะไร ๆ มันก็ช่างเป็นสูตรสำเร็จที่รวบรัดตัดตอนเหลือเกิน ยังไม่ทำให้รู้สึกซึมซับอะไรสักเท่าไหร่

ด้านการแสดงนั้นเอง อันนี้ก็ไม่น่าจะต้องห่วงอะไรมาก ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็คือ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน แต่เรื่องนี้เขาก็พยายามที่จะสลัดภาพคนแกร่งแบบเดิม ๆ ออกไป และถือว่าเขาก็ทำได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงจะมีกลิ่นความเป็นร็อกกี้ และแรมโบ้ติดมาอยู่นิดหน่อย แต่อย่างน้อย ๆ การดีไซน์การแสดงของเขาที่ใช้ดราม่าเข้ามาเสริมนั้น ก็แอบทำให้คนดูจดจำเขาในบทบาทใหม่ที่คือ ซามาริทัน นั่นเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *