รีวิวหนัง Beauty and the Beast

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

 

 

ช่วงหลัง ๆ Walt Disney นำการ์ตูนในสังกัดมาทำเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Cinderella, Sleeping Beauty (หรือ Maleficent), The Jungle Book ล่าสุดก็เป็นคิวของ Beauty and the Beast หรือที่คนไทยหลายคนรู้จักกันในชื่อ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร โดย Emma Watson เป็นโฉมงาม และ Dan Stevens เป็นอสูร

พล็อตโดยรวมของ Beauty and the Beast เวอร์ชั่น 2017 นี้ แทบจะเหมือน ๆ กับฉบับการ์ตูนเมื่อปี 1991 เพิ่มเติมคือเปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวละครสมทบบางตัวให้เป็นเกย์ (หรือเขาอาจจะเป็นเกย์อยู่แล้วแหละ แต่ใส่ความเป็นเกย์ของเขาให้ชัดขึ้นนิดนึง) เช่น LeFou (Josh Gad หรือ Olaf จาก Frozen)มือขวาคนสนิทของ Gaston ตัวร้ายหน้าหล่อ ซึ่งประเด็นเกย์นี้เอง ทำให้รัสเซียกำลังพิจารณาไม่นำเข้าไปฉายในประเทศ รวมถึงมาเลเซียที่ต้องเลื่อนกำหนดฉายเพราะต้องเซ็นเซอร์ซีนเกย์กันก่อน (ทั้ง ๆ ที่มันก็มีโคตรจะน้อยนิดอ่านะ

จากแอนิเมชั่นเรื่องแรกที่สามารถทำรายได้เกิน 100 ล้านดอลล่าร์ สู่การเป็นภาพยนตร์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่นำแสดงโดยนักแสดงหญิงชายยอดนิยม อย่าง “เอ็มม่า วัตสัน” และ “แดน สตีเว่นส์” และกำลังได้รับการกล่าวถึง จนเรียกได้ว่า เป็นภาพยนตร์ที่ฮอตที่สุดในช่วงนี้!! แล้วแบบนี้จะไม่ให้บีพูดถึงได้ยังไง เพราะตัวบีเองก็โตมากับเบลล์และเดอะบีสต์ และแอบฝันเล็กๆ ว่าวันนึงจะได้เจอเจ้าชายแบบนี้บ้าง (ตื่นๆ!!)  ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

 

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

เพราะ Beauty and the beast เป็นหนึ่งในพล็อตเรื่องที่เป็นอมตะตลอดกาล ความรักที่มาพร้อมความแตกต่าง การต่อสู้และยอมรับความแตกต่าง ความหวานและความนุ่มนวลของผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายต้องอ่อนไหว และความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายที่สามารถเอาชนะใจผู้หญิงได้ Beauty and the Beast HD

พล็อตเรื่องแบบนี้ มักจะได้รับความนิยมอย่างมหาศาล แถมยังพาลทำให้อินในความรักได้ง่ายๆ เลยไม่แปลกที่ความโรแมนติกเหล่านี้ จะทำให้ Beauty and the Beast ฮิตตลอดกาล ไม่ว่าจะอยู่ในเวอร์ชั่นการ์ตูนหรือภาพยนตร์ ใครที่รักกำลังคลอนๆ ลองจูงมือคนที่ใช่ไปดูเรื่องนี้สิ อาจกอบกู้ความรู้สึกกันได้ดีค่ะ

ทุกครั้งที่เห็นโปสเตอร์ Beauty and the Beast มันทำให้หัวใจเต้นตึกๆ และเหมือนมีไทม์แมชชีน ดึงพวกเราทุกคนกลับไปสู่ห้วงเวลาของความเป็นเด็กอีกครั้ง วัยที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการและความสวยงาม เรียกได้ว่า ทำให้อดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งจริงๆ  ดูหนังออนไลน์ฟรี

และ Beauty and the Beast เวอร์ชั่น 2017 นี้ ก็คงทำให้หัวใจของเราอบอวลไปด้วยความหอมหวานของความเป็นเจ้าหญิง ดิสนีย์อีกครั้งแน่ๆ รับรองว่าคุณจะต้องเดินยิ้มแป้นออกจากโรงหนัง เพราะความทรงจำในวัยเด็กมันหอมหวานค่ะ

 

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

 

เรื่องราวความรักสุดโรแมนติก

แว่วมาว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุ่มทุนสร้างกับฉาก แสง สี เสียงมาก ชนิดที่ว่าสวยอลังอย่างกับคนดูเป็นเบลล์เอง อย่างฉากห้องเต้นรำในปราสาทของเจ้าชายอสูร ก็อลังการมาก และชุดราตรีที่สวยมาก โดยเป็นการออกแบบของดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง แจ็คเกอลีน เดอร์แรน ที่เคยออกแบบชุดให้กับภาพยนตร์มากมาย และได้รับรางวัลรางวัลออสการ์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ในปี 2013 ดังนั้นไม่ต้องคิดเลยว่าชุดของเบลล์ จะเลิศขนาดไหน!! ดูหนังฟรี

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าชายถูกสาปให้เป็นอสูร (Dan Stevens จาก Downton Abbey) รวมถึงข้าทาสบริวารในปราสาทก็ถูกสาปให้เป็นข้าวของเครื่องใช้ตามคาแรกเตอร์และ identity ของแต่ละคน ตั้งแต่… Lumière (Ewan McGregor จาก Star Wars) เป็นที่วางเทียน, Cogsworth (Ian McKellen จาก X-Men, The Lord of the Rings) เป็นนาฬิกา

Plumette (Gugu Mbatha-Raw จาก Miss Sloane) เป็นไม้ปัดขนนก, Madame de Garderobe (Audra McDonald) เป็นตู้เสื้อผ้า, Maestro Cadenza (Stanley Tucci จาก The Devil Wears Prada) เป็นเปียโน, เด็ก Chip (Nathan Mack) เป็นถ้วยกาแฟ Beauty and the Beast Disney

และ Mrs. Potts (Emma Thompson จาก Sense and Sensibility) เป็นกากาแฟ โดยเจ้าชายอสูรและเหล่าข้าไทจะกลับกลายเป็นคนดังเดิมได้ก็ต่อเมื่อเจ้าชายอสูรรู้จักรักแท้และหญิงสาวคนนั้นก็รักตอบก่อนที่กุหลาบวิเศษกลีบสุดท้ายจะร่วงโรย มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดกาล

 

รีวิวหนัง Beauty and the Beast

 

ความรักระหว่างสาวสวยกับอสูร

ห่างไกลจากปราสาทไปหน่อยนึงเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ หญิงสาวสวย Belle (Emma Watson จาก Harry Potter) อาศัยอยู่กับ Maurice ผู้เป็นพ่อ (Kevin Kline จาก Wild Wild West) ชาวบ้านมองว่า Belle เป็นคนแปลก เพราะเธอชอบอ่านหนังสือและไม่แต่งหน้าแต่งตัวแบบสาว ๆ ทั่วไป แต่เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มหล่อ Gaston (Luke Evans จาก Dracula Untold) ผู้ซึ่งภูมิใจในความเป็นชายของตนและหลงตัวเองเป็นที่หนึ่ง ดูหนังออนไลน์ฟรี

วันหนึ่งพ่อของ Belle พลัดหลงเข้าไปในปราสาทต้องคำสาป ขากลับเขาจะเด็ดดอกกุหลาบกลับไปฝากลูกสาวเหมือนปกติ เจ้าชายอสูรเห็นเข้าก็โกรธมากที่ชายชรามาขโมยของในสวนของเขา และขังเขาไว้ในคุกใต้ดิน แล้วต่อมา Belle ก็มาเสียสละตัวเองเป็นนักโทษแทนผู้เป็นพ่อ จนรักกับเจ้าชายอสูรตามท้องเรื่อง Beauty and the Beast เรื่องย่อ

หลังจากจบการศึกษาจาก Hogwarts ดูเหมือน Emma Watson จะไปโดดเด่นเอาดีทางด้านการศึกษา ทางด้านสังคม และเพื่อสตรี กล่าวคือ เธอก็ตั้งอกตั้งใจจนเรียนจบ Brown University สมกับเป็น Hermione Granger ต่อมาเธอได้รับเลือกให้เป็น UN Women goodwill ambassador อีกทั้งยังขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 100 ของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ซึ่งจัดอันดับโดย Time

ส่วนทางด้านการแสดงนั้น ก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่เธอเล่นนั้นไม่ค่อยปังสักเท่าไหร่ แต่แฟน ๆ ของ Emma Watson ก็ยังติดตามดูผลงานของเธออย่างต่อเนื่องอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดอย่าง Beauty and the Beast ซึ่งเป็นหนังใหญ่จากเทพนิยายชื่อดัง ณ ดิสนีย์แลนด์

 

 

โดยส่วนตัวเราก็ไม่เคยคาดหวังว่าหนังที่ Emma Watson จะเป็นหนังดี เพราะอย่างที่รู้กัน เธอไม่เน้นเล่นหนังดีหนังรางวัล (มิเช่นนั้นเธอไม่ปฏิเสธบท Mia ใน La La Land หรอก) แต่เธอเน้นรับบทตัวละครที่ถ่ายทอดความเป็นเธอ หรือไม่ก็ empower women Beauty and the Beast พากย์ไทย

เราชอบตัวละคร Belle เป็นทุนเดิม Belle เป็นหนึ่งในนางเอกดิสนีย์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงโดยกำเนิด ยิ่งพอเป็น Belle เวอร์ชั่น Emma Watson ที่มีความสวย ฉลาด และสตรอง คือฉันจะอ่านหนังสือ ฉันจะขี่ม้า ฉันจะคิดค้นนวัตกรรมเครื่องซักผ้า ฉันจะมีปากมีเสียง ฉันไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตที่จะมีผัวหล่อรวย ฉันไม่กลัวสิ่งใด ฯลฯ เราก็ยิ่งชอบ ช่วงซีนเปิดเรื่องที่ Belle ยังอยู่ในหมู่บ้านนี่ชอบเลยแหละ ดูหนังฟรี

อีกอย่าง Belle มันเหมือนตัว Emma เองจริง ๆ ไม่ได้แสดง เช่น ฉากที่ Emma Watson ตาลุกวาวเป็นประกายที่เห็นห้องสมุดและชั้นหนังสือมากมาย นี่ Emma ชัด ๆ (แฟน ๆ คงทราบกันดีว่า Emma ชอบอ่านหนังสือมาก เหมือน Hermione เด๊ะ แถมยังชอบเอาหนังสือไปร่อนวางแจกจ่ายไปทั่วรถไฟฟ้าลอนดอน) พูดนัยนึงคือ Emma เหมือนเกิดมาเพื่อเป็น Belle และในขณะเดียวกันก็ใส่ความเป็นตัวเธอเองและความเป็น feminist ลงไปในตัว Belle ด้วย

แต่ถ้าไม่นับ Emma หรือตัวละครเฟมินิสต์อย่าง Belle ใน Beauty and the Beast ฉบับนี้แล้ว เราก็แทบหาสิ่งอื่น ๆ ที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเจอนัก ที่นึกออกตอนนี้คือเหล่าถ้วยโถโอชามหรือบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของเจ้าชายอสูรที่น่ารัก

พากย์สนุก เป็นสีสันให้กับเรื่อง โดยเฉพาะฉากสู้รบปรบมือกับพวกมนุษย์นี่มันส์พ่ะย่ะค่ะดี ส่วนเรื่องภาพนี่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง เรื่องสามมิติก็พุ่งจริงหลายฉากอยู่ เรื่อง CG นี่ก็เนียนกริบตามมาตรฐานดิสนีย์อยู่แล้ว ไม่แปลกใจอะไร

 

 

แต่นอกเหนือจากที่กล่าวมา โดยรวมเราค่อนข้างเฉย ๆ กับหนังเรื่องนี้ เราว่าหนังดำเนินเรื่องไม่ค่อยสนุก ช่วงร้องเพลงหลายเพลงก็น่าเบื่อ ฉากเต้นรำก็ไม่ได้ว้าว (หรือเพราะเราเพิ่งดู La La Land มา?) เคมีระหว่างโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเราก็ไม่ค่อยอิน (ยังงงอยู่ว่า Belle ไปรักอสูรตอนไหน ใช่ตอนที่เห็นหนังสือเป็นล้านเล่มในห้องสมุดแล้วตาลุกวาวเหมือนผู้หญิงทั่วไปเห็นเงินเห็นทองหรือเปล่า) ตัวร้ายนี่ก็ร้ายแบบไร้มิติไม่มีเปลี่ยนแปลง

ส่วนหนึ่งเราก็ผิดเองที่เราคาดหวังไว้มาก ก่อนเข้าไปดู เราคาดหวังการตีความใหม่หรือเล่าเรื่องมุมมองใหม่ไม่มากก็น้อยอย่างที่ดิสนีย์เคยทำได้ดีใน Cinderella กับ Maleficent แต่พอเอาเข้าจริง Beauty and the Beast เขาไปทางเคารพต้นฉบับการ์ตูน 1991 (มาก) Beauty and the Beast เต็มเรื่อง

เพิ่มเติมแค่ประเด็นเกย์นิดหน่อย (หน่อยแบบหน่อยมาก หน่อยแบบกลัวคนดูหัวโบราณบางกลุ่มจะด่าว่าหนังครอบครัวมีตัวละครเกย์ได้ไง) และเพิ่มปูมหลังครอบครัวของโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนิดหน่อย (นี่ก็นิดหน่อยชนิดไม่ต้องมีมาก็ได้ ไม่ค่อยมีความสำคัญกับเส้นเรื่องมากมายอะไรเลย)

ย้ำอีกครั้งว่าเราผิดเองที่คาดหวัง เราผิดเองที่คิดมากไป เพราะสำหรับเรา เรื่อง Beauty and the Beast ก็สัญลักษณ์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น กุหลาบในเรื่อง แต่ละบริบทก็มีความหมายต่าง ๆ นานา บ้างก็หมายถึงความรัก บ้างก็หมายถึงภัยอันตรายจากความรัก หรือกระจกวิเศษ ที่สะท้อนถึงความอ่อนแอหรือจุดอ่อนของผู้ใช้ แต่สุดท้ายหนังเขาไม่ขยี้ บางจุดก็แทบไม่ให้ความสำคัญไปเลย ก็เป็นพร็อพ ๆ หนึ่งของเรื่องไป  ดูหนังออนไลน์ฟรี

 

 

บทสรุปของความรักระหว่างสาวน้อยกับอสูร

นอกจากนี้ หนังยังมีประเด็นมากมายที่น่าเล่น แต่เขาไม่ค่อยเล่น สงสัยมัวแต่ไปใส่ความเป็นเฟมินิสต์และเน้นความแตกต่างกับชาวบ้านให้บท Belle จนไม่ได้เน้นประเด็น identity ของพวกข้าทาสบริวารที่ถูก tranform เป็นสิ่งของเครื่องใช้ แต่ตรงนี้ก็ยังดีนะที่หนังพยายามใส่ความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครเหล่านี้มากขึ้น แต่ส่วนหนึ่ง ณ ตรงนี้ก็ขอชื่นชมคนพากย์ด้วย

ส่วนประเด็น “อย่าตัดสินใครที่ภายนอก / อย่ารักใครที่รูปร่างหน้าตา” ที่เหมือนจะเป็นประเด็นที่เด่นที่สุดอันหนึ่งของเรื่อง หนังก็ทำออกมาได้คงมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดซะว่าอย่างน้อยก็ยังเอาไปดูไปด้วยสอนเด็กไปด้วยได้อะไรได้ Beauty and the Beast รีวิว

โดยสรุป ถ้าไปดู Beauty and the Beast เพลิน ๆ ชนิดไม่คาดหวังว่ามันจะต้องตีความใหม่หรือถ่ายทอดอะไรที่โตไปกว่าการ์ตูน มันก็ดูได้เพลิน ๆ ไม่แย่ ภาพสวย เพลงเพราะ (แม้จะน่าเบื่อบางเพลง) ดูสนุกได้ตามมาตรฐานดิสนีย์ คือเหมาะเป็นหนังครอบครัวหรรษาทั่วไป (ถ้าครอบครัวนั้นไม่ซีเรียสเรื่องมีตัวละครเกย์ในการ์ตูนอ่านะ) ที่แน่ ๆ ผู้หญิงแนวฟรุ้งฟริ้งยูนิคอร์น ใครที่ชอบดูอะไรสไตล์ดิสนีย์ออริจินัลหรือเป็นติ่ง Emma Watson น่าจะชอบถึงขั้นชอบมาก

ชื่อภาพยนตร์: Beauty and the Beast / โฉมงามกับเจ้าชายอสูร  รีวิวหนังดีน่าดู
ผู้กำกับภาพยนตร์: Bill Condon
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Stephen Chbosky (screenplay), Evan Spiliotopoulos (screenplay)
นักแสดงนำ: Emma Watson, Luke Evans, Ewan McGregor, Dan Stevens, Josh Gad, Kevin Kline, Emma Thompson
ดนตรีประกอบ: Alan Menken
แนว/ประเภท: Family, Fantasy, Musical, Romance
ความยาว: 129 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/ท, USA/G
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 16 มีนาคม 2017
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Mandeville Films, Walt Disney Pictures

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *