รีวิวหนัง Sandman
รีวิวหนัง Sandman
นีล ไกแมน คือชื่อของนักเขียนล้ำวิสัยทัศน์ คนที่มีผลงานทั้งนิยายขนาดสั้นและยาว คอมิก นิยายภาพ และแน่นอนมีภาพยนตร์จากผลงานของเขาด้วย หลายคนอาจคุ้นเคยกับงานอย่าง ‘Coraline’, ‘American Gods’ และ ‘Stardust’ แต่วันนี้ เราจะมาว่ากันที่ซีรีส์ในบริการเน็ตฟลิกซ์เรื่อง ‘The Sandman’ ผลงานจากคอมิกที่ลือเลื่องที่สุดของเขา
ดูหนังออนไลน์ ที่ดัดแปลงสร้างมาจากคอมิกเรื่องนี้ในซีซันแรกมีจำนวน 10 ตอนด้วยกัน และเริ่มออนไลน์สตรีมมิ่งให้ได้ชมกันไปตั้งแต่ 5 สิงหาคม 2022 เป็นต้นมา เรื่องราวของมันก็เกี่ยวกับราชันแห่งความฝันที่บังเอิญถูกมนุษย์จอมเวทจับมาขังไว้เป็นนานจนถึงวันที่ได้กลับออกไปอีกครั้ง มันได้กลายเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของปีศาจตนนี้ ที่จะพาเราไปพบกับตัวละครชื่อคุ้นหูในโลกแฟนตาซีแบบดาร์กๆ ใบนั้น Sandman HD
ลอร์ดมอร์เฟียส (Tom Sturridge จากซีรีส์เรื่อง ‘Irma Vep’ และหนังเรื่อง ‘Far from the Madding Crowd’) หรือในชื่อหนึ่งว่า ดรีมออฟดิเอนด์เลส ปีศาจราชาแห่งความฝันที่ดันถูกจอมเวทมนุษย์อัญเชิญไปข่มขู่ให้ฟื้นคืนชีวิตลูกชาย ส่งผลต่อสมดุลของโลกในทันที หลายคนหลับใหลอยู่ในฝันไม่ได้ตื่นขึ้นมา ด้านจอมเวทนั้น เมื่อพบว่าเรียกมาผิดตัวจึงริบอุปกรณ์ของดรีมไว้ทั้งหมด ก่อนภายหลังจะถูกขโมยออกมา Sandman pantip
รีวิวหนัง Sandman หนังดี
หลังถูกจองจำอยู่ในห้องใต้ดินเนิ่นนานหลายสิบปี ในที่สุด ดรีมก็ออกมาจนได้ แต่ก็กลับพบว่าอาณาจักรแห่งความฝันสุดอลังการที่เคยสร้างไว้บัดนี้ทรุดโทรมจนรกร้างสมควรถูกบูรณะฟื้นฟู ทั้งยังเหลือเพียง ลูเซียนน์ (Vivienne Acheampong) บรรณารักษ์ที่ยังคงรอเขาอยู่เท่านั้น ส่วน โครินเธียน (Boyd Holbrook) ฝันร้ายผู้คลั่งไคล้การฆ่าคนก็หนีไปแล้วกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา Sandman netflix
แต่เพราะสภาพที่ไร้พลังประกอบกับอุปกรณ์สำคัญ 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นถุงทราย หมวก และทับทิม ล้วนหายกระจัดกระจายไปหมด ทำให้มอร์เฟียสต้องเริ่มต้นด้วยติดตาม ค้นหาและเอาคืน
ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเพราะการจับผิดฝาผาตัวของพวกมนุษย์ในปี 1916 เหล่าจอมเวทรวมตัวกันเพื่ออัญเชิญ เดธ (หรือมรณะ) เพื่อบีบให้ช่วยพาลูกชายสุดรักสุดหวงของจอมเวทผู้หนึ่ง แต่ปีศาจที่จับมาดันเป็น ‘ดรีม’ ผู้เป็นพี่น้องของ ‘เดธ’ แม้จะรู้ว่าเรียกมาผิดตัว แต่ก็ไม่ยอมปล่อยออกไป ยังพยายามจะบีบบังคับในสิ่งที่ปีศาจตนนี้ให้ไม่ได้
ในช่วงต้นของ ดูหนังฟรี จะเล่าถึง ‘ดรีม’ ปีศาจผู้ครอบครองอาณาจักรแห่งความฝันของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล (ไม่เว้นแม้แต่ในนรก) เขาคือผู้ที่มีอำนาจมากในความฝันของผู้อื่น สามารถดลบันดาลทุกสิ่งใดตามใจปรารถนาขอเพียงผู้นั้นหลับฝัน แต่ทุกอย่างกำลังจะพังทลายเพียงเพราะการถูกจับขังไว้ในกรงแก้วทรงกลม
รีวิวหนัง Sandman หนังน่าดู
สุดท้าย เขาปิดวาจาและรอคอยเรื่อยมาจนถึงวันนั้น แต่สิ่งที่เขาได้กลับออกมาพบกลับเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่เปลี่ยวร้างและทรุดโทรม ทั้งอีควิปเมนต์คู่กายทั้งสามก็ยังถูกขโมยจนกระจัดกระจายไปด้วย ภารกิจในช่วงแรกในซีรีส์จึงเป็นการตามหาของที่หายนั่นเอง Sandman เรื่องย่อ
แต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้า แม้เรื่องมันจะดำเนินสลับกันไประหว่างของแต่ละชิ้น งานเทคนิคด้านภาพก็นับว่าโอเคไม่ได้มีอะไรเลวร้าย แต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้สักเท่าไหร่ พยายามก้าวต่อไปจนผ่านตอนสี่ตอนห้าจึงได้พบกับเรื่องราวที่แตกต่าง
การเดินทางของราชาแห่งฝัน แม้แรกๆ อาจทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็เริ่มมีบางอย่างที่พาให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจ อย่างเช่น การต่อสู้เชิงจินตนาการและเวทย์มนตร์ในขุมนรกของ ดรีม กับ ลูซิเฟอร์ มอร์นิงสตาร์ (ที่แสดงโดย Gwendoline Christie คนที่เล่นเป็น Brienne of Tarth ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’ นั่นแหละครับ) รีวิวหนังน่าติดตาม
หลังจากนั้น ก็เหมือนดรีมจะพาเราเดินทางพบเจอกับสถานการณ์ใหม่ๆ อย่างในตอนที่ 5 ที่เซ็ตทุกอย่างไว้ในสถานที่แห่งเดียว ร้านอาหารแห่งนั้นที่เกิดเหตุการณ์บางอย่าง บทที่เขียนเอาไว้อย่างแยบยล หรืออย่างตอนที่ 6 ที่ใช้การเล่าที่เปลี่ยนผ่านไปทุก 100 ปี ที่ทำให้มองเห็นสภาพของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลง บริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป กับใจคนผู้ไม่เคยคิดอยากตาย
หนังดัดแปลงมาจากคอมมิคชื่อดัง
ยิ่งเรื่องราวดำเนินผ่านไป ผู้ชมจะยิ่งได้พบและรู้จักกับพี่น้องของดรีมมากขึ้นเรื่อยๆ ได้มองเห็นลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไปของแต่ละตัวละคร โดยเฉพาะ ‘เดธ’ (Kirby Howell-Baptiste) ที่มาในรูปของผู้หญิงผิวดำท่าทางเป็นมิตร หรืออย่าง ‘ดีไซเออร์’ (Mason Alexander Park) ที่มาในร่างของชายผิวขาวผู้มีลักษณะ LGBTQ+ Sandman พากย์ไทย
เอาเข้าจริง เรื่องราวใน ‘เดอะ แซนด์แมน’ ก็มีตัวละครอยู่หลายตัวเลยทีเดียวที่มีลักษณะแบบนั้น ซึ่งส่วนตัวผมก็มองว่า ปีศาจหรือเทพจะเป็นเพศใดก็ได้ทั้งนั้น ความรักก็เช่นกัน จะปีศาจหรือมนุษย์จะรักกับเพศใดก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพศสภาพเป็นเพียงสิ่งที่ยีนกำหนด ส่วนลักษณะของเทพและปีศาจอาจจะไม่มีเพศที่แน่นอนตายตัวอยู่ก่อนแล้วก็ได้เช่นกัน
เนื้อหาของซีรีส์อาจแบ่งเป็นส่วนใหญ่ ๆ ได้หลายส่วน ช่วงแรกตอนที่ 1-5 หรือครึ่งทางของซีซัน เป็นการถูกกักขังของนิมิตและการเดินทางทวงคืนพลังของเขาที่ถูกซุกซ่อนในแห่งหนต่าง ๆ ทำให้เราได้พบตัวละครใหม่ ๆ ตัวซีรีส์ค่อย ๆ ให้เราได้เรียนรู้ไปพร้อมกันนี้ว่าภูมิหลังของโลกในเรื่องประกอบไปด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติใดบ้าง
เราได้พบเทพชะตากรรมที่ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ของหญิง 3 นาง เราท่องไปในดินแดนแห่งฝันและพบเหล่าความฝันผู้รับใช้นิมิตที่มีทั้งนอบน้อมและไม่เชื่อฟัง เราท่องไปในแดนนรกอันน่าหวาดระแวงและทนทุกข์ของลูซิเฟอร์และได้เห็นอดีตบางส่วนของนิมิต รวมถึงที่สุดเราได้เห็นว่าจิตใจอันบริสุทธิ์ของมนุษย์สามารถสร้างบาปได้มากขนาดไหน รีวิวหนังน่าดู
ไปติดตามรับชมกันดูเลยจ้า
ที่แนะนำเลยคือตอนที่ 4 ที่นิมิตต้องพบกับลูซิเฟอร์และต้องประลองกัน ถ้าเป็นซีรีส์อื่นเราคงได้เห็นฉากสู้กันสุดอลังการปล่อยพลังกันราวทำลายโลก แต่ในซีรีส์นี้กลับนำเสนอการต่อสู้กันด้วยวาจาและความคิดที่คมคาย เต็มไปด้วยปรัชญา ในขณะเดียวกันก็ฉลาดพอที่จะใช้วิสัยทัศน์ด้านภาพที่ชวนลุ้นระทึก ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้การบู๊ล้างผลาญมัน ๆ เลย
ในขณะที่ตอน 5 ซีรีส์พลิกการเล่าเรื่องไปอีกแบบจนเกือบตั้งตัวไม่ติด แต่เอาจริงมันดีและฉลาดมาก เมื่อเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่องมายังตัวละครมนุษย์อย่าง จอห์น ผู้ถูกโกหกมาทั้งชีวิตและเกลียดคำโป้ปดอย่างมาก จนเมื่อเขาได้พลังของนิมิตมาในครอบครองเขาก็ทดลองการสร้างโลกที่ไร้คำลวงออกมา ผ่านการนำเสนอสถานการณ์ที่เหมือนหนังสั้นชั้นดี ที่ทั้งระทึกขวัญสั่นประสาท และชวนคิดไม่น้อย เป็นอีกตอนที่แนะนำเลยว่าต้องดู Sandman ซับไทย
จากนั้นในตอนที่ 6 น่าจะเป็นตอนเดียวที่เหมือนมาคั่นเพื่อเปลี่ยนผ่านเรื่องราวไปสู่องก์ใหม่ ได้เห็นมุมมองพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของนิมิตผ่านช่วงเวลาหลายร้อยปีได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังได้เห็นแง่มุมที่ว่า นิมิต เป็นทั้งความฝัน ความหวัง ความทรงจำ และเรื่องเล่า จินตนาการ สุดแต่จะมองในแง่ใด เช่นเดียวกับที่เปรียบเปรยความตายได้หลากหลายแง่มุม เป็นตอนที่เหมือนหนังสั้นดี ๆ อีกตอนหนึ่ง Sandman รีวิว
และในตอนที่ 7-10 ซีรีส์ก็กลับมาสู่เรื่องราวของปัญหาใหญ่ครั้งใหม่ที่ขมวดเก็บตัวละครต่าง ๆ ที่ยังทิ้งค้างไว้ได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะตัวละครโครินเธียนที่คอยอยู่ในเงามืดและแอบแทงหลังนิมิตอยู่ตลอดมา ทั้งยังมีการนำเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น ฉากงานสัมมนาฆาตกรต่อเนื่องจากทั่วอเมริกาที่สุดวิปลาส และทำให้เห็นชัดเจนไปเลยว่านี่คือซีรีส์ที่สร้างมาสำหรับผู้ใหญ่ไปเลย
โดยรวมของ ‘เดอะ แซนด์แมน’ ถ้าเรามองกันถึงด้านงานภาพแล้ว ต้องบอกว่าน่าชื่นชมในด้านการจัดองค์ประกอบฉาก หลายตอนนี่เล่นเอาหลายยุคหลายสมัยมาใส่เข้าด้วยกัน บางตอนก็ไปเล่นกันที่นรก บางตอนเน้นฉากอาณาจักรแห่งความฝัน ซึ่งก็พบว่าแม้ส่วนใหญ่
งานซีจีจะค่อนข้างดีแต่ก็ยังพอมีบางส่วนที่ยังไม่เนียนเท่าไหร่ โดยรวมก็ยังถือว่าผ่าน ขณะที่ดนตรีประกอบก็นับว่าไม่เลว ช่วยส่งเสริมงานภาพได้ดีพอสมควร แต่ที่โดดเด่นคงเป็นเรื่องงานบทเสียมากกว่าซึ่งก็เป็นเพราะได้วัตถุดิบที่ดีอยู่ก่อนแล้วนั่นเอง
เรื่องราวในช่วงที่เหลือนั้นสำหรับผมมองว่าน่าสนใจยิ่งกว่าการตามหาอีควิปเมนต์ทั้งสามสิ่งนั่นเสียอีก มันมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลักษณะการเล่าที่เฉพาะตัว เหมือนเป็นการเดินทางของปีศาจหรือเทพสักตนหนึ่งที่พยายามเข้าใจโลกของมนุษย์ เรียนรู้จากด้านมืดของพวกเรา ที่มีทั้งความละโมภอยากได้ไม่รู้จบ รักจนมุ่งหมายสิ่งที่รักกลับคืน อารมณ์ต่างๆ ที่ชักพาสู่บาปและความเลวร้าย ขณะเดียวกันก็เข้าใจโลกของตนเองไปพร้อมกันด้วย รีวิวหนังน่าสนใจ
ภาพลักษณ์อาจจะดูหม่นเทาอยู่สักหน่อยหนึ่ง เพราะมันไม่ใช่ซีรีส์แฟนตาซีที่เหมาะสำหรับเด็กนัก จึงค่อนข้างจะแทรกใส่ปรัชญาเข้าไปในนั้น ทำให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากขึ้นตามจำนวนตอน อย่างไรก็ตาม แม้จะมองเห็นแง่งาม แต่ก็คิดว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์คนบางกลุ่ม และไม่ได้สนใจในตลาดคนส่วนใหญ่มากมายนัก ส่วนหนึ่งเพราะมันค่อนข้างดาร์ก กับอีกส่วนคือ มันต้องใช้การตีความในหัวผู้ชมนั่นเอง
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ The Sandman / เดอะ แซนด์แมน
ผู้สร้าง Neil Gaiman, David S. Goyer, Allan Heinberg
ผู้เขียนบท
นักแสดง Tom Sturridge, Vivienne Acheampong, Boyd Holbrook, Patton Oswalt, Jenna Coleman
แนว/ประเภท Drama, Fantasy, Horror, Mystery, Sci-Fi
จำนวนตอน ซีซัน 1: 10 ตอน
ช่องทางรับชม Netflix
เริ่มออกอากาศ 5 สิงหาคม 2022
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ Warner Bros. Television, DC Comics, DC Entertiantment, Netflix
เดอะ แซนด์แมน